l3asicx_ronando@hotmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบภาคปฏิบัติ 10 คะเเนน

ข้อสอบวิชาสังคม
1.ให้บอกลักษณะภูมิประเทศของภาคใต้ ภาคกลางเละภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอบภูมิประเทศภาคใต้มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นไปในทะเล ทางตะวันตกของคาบสมุทรมีเทือกเขาภูเก็ตทอดตัวเลียบ2.ภูมิประเทศภาคกลางมีลักษณะเป็นที่ราบดินตะกอนที่ลำน้ำพัดมาทับถม ในบริเวณที่ราบนี้มีภูเขาโดดๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูนกระจาย อยู่ทั่วไป ภูมิประเทศตอนบนของภาคกลางเป็นที่ราบลูกฟูกคือเป็นที่สูงๆต่ำๆและมีภูเขา3.ภูมิประเทศภาคเหนือมีลักษณะเป็นภาคที่มีพื้นที่กว้าง เป็นดินแดนที่แยกจากที่ราบภาคกลาง โดยมีทิวเขาต่าง ๆ เป็นขอบ มีลักษณะเป็นแอ่งรูปก้นกะทะมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน
2.ให้บอกแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดอยุทยามา5สถานที่
ตอบ1.วัดป่แก้ว2.พระราชวังบางประอิน3.วัดพระศรีสรรเพชญ์4.วิหารมงคลบพิตร5.วัดมหาธาตุ
3.แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านจังหวัดอะไรบ้าง
ตอบ นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯ
4.ประเพณีชักพระประชาชนมีกิจกรรมอะไรบ้าง
ตอบประเพณีชักพระเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวใต้ ซึ่งเป็นประเพณีทำบุญในวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับ วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ซึ่งเชื่อกันว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า เสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระมารดา เมื่อครบพรรษาจึงเสด็จมายังโลกมนุษย์ พุทธศาสนิกชนจึงมารอรับเสด็จ แล้วอัญเชิญพระพุทธ เจ้าขึ้นประทับบน บุษบกแล้วแห่ไปรอบเมือง
5.ทุ่งกุราร้องไห้ปลูกพืชอะไรได้บ้าง
พีลพล พิชญ์ยุตม์


ผู้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ประมุขคณะลูกเสือโลก
ถ้าท่านต้องการเข้าใจเรื่องลูกเสือโดยตลอด ท่านจำเป็นต้องรู้เรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับคนที่ได้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ซึ่งเป็นคนของเด็กโดยแท้จริงผู้หนึ่งซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ ท่านผู้นี้คือ ลอร์ด เบเดน-โพเอลล์ แห่งกิลเวลล์ ประมุขคณะลูกเสือโลก ซึ่งบรรดาลูกเสือพากันเรียกชื่อท่านด้วยความรักว่า "B.-P."
โรเบิร์ต สตีเฟนสัน สไมธ์ เบเดน-โพเอลล์ (Robert Stephenson Smyth Baden - Powell) เกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1857 ตรงกับวันที่พวกอเมริกันฉลองวันเกิดของยอร์ช วอชิงตัน อายุครบรอบร้อยปี บิดาของท่านชื่อ Reverend H.G. Beden-Powell เป็นศาสตราจารย์ที่ออกซ์ฟอร์ด มารดาของท่านเป็นธิดาของพลเรือเอกดับ ที. สไมธ์ (W.T. Smyth) แห่งราชนาวีอังกฤษ ทวดของท่านคือ โจเซฟ บรูเออร์ สไมธ์ (Joseph Brewer Smyth) ได้อพยพไปอยู่อเมริกา ในนิวเจอร์ซี่แกต่ได้เดินทางกลับไปอังกฤษและเรือแตกในระหว่างที่เดินทางกลับถึงบ้าน ฉะนั้นเบเดน-โพเอลล์ จึงเป็นผู้สืบสันดานผู้ที่เป็นพระสายหนึ่ง และของผู้อพยพที่กล้าผจญภัยในโลกใหม่อีกสายหนึ่ง
บี.พี.เมื่อเป็นเด็ก
บิดาของ บี.พี.ถึงแก่กรรมเมื่อ บี.พี.มีอายุประมาณ 3 ปี ทิ้งมารดาของ บี.พี. ไว้พร้อมด้วยบุตร 7 คน ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบสี่ปี มักจะมีเวลาเดือนร้อยบ่อยๆ สำหรับครอบครัวใหญ่นั้นแต่ความรักร่วมกันของมารดาที่มีต่อบุตร และของบุตรที่มีต่อมารดาได้ทำให้ครอบครัวนี้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ บี.พี.ได้ดำรงชีวิตกลางแจ้งอย่างสนุกสนานกับพี่น้องสี่คนของเขา โดยได้เดินทางไกลและไปพักแรมร่วมกันตามที่ต่างๆ ในประเทศอังกฤษหลายแห่ง ในปี ค.ศ. 1870 บี.พี. ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชาร์ตเตอร์เฮาส์ในกรุงลอนดอน โดยได้รับทุนเล่าเรียน ท่านไม่ใช่คนเก่งทางหนังสือมากนัก แต่ทานก็เป็นคนที่สนุกสนานที่สุดคนหนึ่ง เมื่อมีอะไรในสนามของโรงเรียน ท่านจะอยู่ในกลุ่มนั้นเสมอ และในไม่ช้าก็เป็นที่รู้จักกันว่าท่านเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีในชุดฟุตบอลของโรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์ ความสามารถของท่านในทางละครได้รับความนิยมจากเพื่อนนักเรียนเป็นอันมาก เมื่อได้รับคำเรียกร้องท่านก็สามารถเสนอการแสดงซึ่งทำให้คนทั้งโรงเรียนหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง เล่ห์เหลี่ยมการซุ่มตามจับสัตว์ซึ่ง บี.พี.ได้ฝึกฝนทีในป่ารอบๆ โรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์กลายเป็นคุณประโยชน์แก่เขาที่ในอินเดีย และแอฟริกา ท่านชอบดนตรีด้วย และคุณสมบัติพิเศษของท่านในการเขียนภาพร่าง ทำให้ท่านสามารถเขียนภาพประกอบหนังสือของท่านเองในภายหลัง ไปหัวข้อด้านบน

บี.พี. ในอินเดีย
พออายุ 19 ปี บี.พี. ก็จบจากโรงเรียน และยอมรับโอกาสที่จะไปอินเดียทันทีโดยได้รับยศเป็นร้อยตรีในกองทหาร ซึ่งอยู่ในปีกขวาของแถวทหารม้าที่บรรยายไว้ในคำกลอนที่มีชื่อเสียง "Charge of the Light Brigade" ในสงครามไครเมีย นอกจากจะได้ปฏิบัติหน้าที่ทางทหารอย่างดีเด่นแล้ว ท่านได้รับยศร้อยเอก เมื่อายุ 26 ปี ท่านยังได้รับรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาทั่วประเทศอินเดียที่มีผู้อยากได้มากที่สุดคือ การแข่งขันแทงหมู "Pig sticking" ซึ่งเป็นการล่าหมูป่าบนหลังม้าโดยมีหอกสั้นเล่มเดียวเป็นอาวุธ ซึ่งอันตรายมากเพราะหมูป่าถูกให้คำนิยามว่าเป็น "สัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่กล้ากินน้ำแห่งเดียวกับเสือ" ไปหัวข้อด้านบน

การรบในแอฟริกา
ในปี ค.ศ. 1887 เราพบ บี.พี. ในแอฟริกามีส่วนร่วมในการรบกับพวกซูลู และในตอนหลังก็ได้รบกับพวก อาซันติ (Ashanti) ที่ดุร้าย และพวกมาตาบีลี (Matabele )ที่ป่าเถื่อน ชาวพื้นเมืองกลัวท่านมาก จนถึงกับตั้งชื่อท่านว่า "อิมปิซ่า" (Impeesa) แปลว่า "หมาป่าซึ่งไม่เคยหลับนอน" (The wolf that never sleeps) ทั้งนี้เพราะความกล้าหาญของท่าน และทักษะของท่านในการสอดแนมกับความสามารถอย่างมหัศจรรย์ของท่านในเรื่องการสะกดรอย การเลื่อนยศของท่าน แทบจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ กล่าวคือ ท่านได้เลื่อนยศเป็นประจำ จนกระทั่งท่านได้ย่างเข้าสู่ความมีชื่อเสียงในทันทีทันใด เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1899 และ บี.พี. ได้เลื่อนยศเป็นพันเอก ความยุ่งยากกำลังตั้งเค้าในแอฟริกาใต้ ความสำพันธ์ระหว่างอังกฤษกับรัฐบาลของทรานสวาลรีปับลิกได้ถึงจุดระเบิด เบเดน-โพเอลล์ ได้รับคำสั่งให้จัดทหารม้าถือปืน (Mounted rifles) สองกองพันและเดินทางไปที่มาฟอีคิง ซึ่งเป็นเมืองในใจกลางของแอฟริการใต้ "ผู้ใดยึดมาฟอีคิงไว้ได้ ผู้นั้นย่อมถือบังเหียนของแอฟริกาใต้" เป็นคำกล่าวของชาวพื้นเมืองซึ่งปรากฏว่าเป็นความจริง
ไปหัวข้อด้านบน

การล้อมเมืองมาฟอีคิง (The siege of mafeking)
สงครามเกิดขึ้นและเป็นเวลา 217 วันตั้งแต่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1899 บี.พี. ได้รักษาเมืองมาฟอีคิงให้พ้นจากเงื้อมมือของข้าศึก ซึ่งตั้งล้อมอยู่และมีจำนวนมากกว่าอย่างมากมายไว้ได้ จนกระทั้งในที่สุดกองทหารที่มาช่วยได้บุกเข้าไปช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1900 บริเตนใหญ่รู้สึกอึดอัดใจตลอดระยะเวลานานเป็นเดือนๆ เหล่านี้ เมื่อในสุดมีข่าวว่า "มาฟอีคิง" พ้นจากการถูกล้อมแล้ว" คนอังกฤษก็ตื่นเต้นยินดีอย่างเป็นบ้า จนเป็นคำที่คนอังกฤษใช้กันเกี่ยวกับการเฉลิมฉลอง ในตอนนั้น บี.พี.ได้เลื่อนยศเป็นพลตรี และได้พบว่าตัวท่านเองได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษในสายตาของเพื่อนร่วมชาติของท่าน
ไปหัวข้อด้านบน

กำเนิดของการลูกเสือ
บี.พี.ได้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ไปอังกฤษ ใน ค.ศ.1901 ในฐานะวีระบุรุษของทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ท่านได้รับเกียรติมากมายหลายประการ และได้ค้นพบด้วยความแปลกประหลาดใจว่า ความมีชื่อเสียงส่วนตัวของท่านได้ทำให้หนังสือของท่านที่แต่งไว้สำหรับการทหารชื่อ Aids to Scouting ได้พลอยมีชื่อเสียงไปด้วย มีผู้เอาหนังสือนั้นไปใช้เป็นแบบเรียนในโรงเรียนชายต่างๆ บี.พี.มองเห็นการท้าทายที่สำคัญในเรื่องนี้ ท่านหลับตามองเห็นโอกาสของท่านที่จะช่วยเด็กชายอังกฤษให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ถ้าหนังสือสำหรับผู้ใหญ่เกี่ยวกับการปฏิบัติในการสอดแนมเป็นที่ถูกใจเด็ก และเร้าใจเด็กก็เป็นของแน่ว่าหนังสือที่เขียนขึ้นสำหรับเด็กเอง ก็คงจะก่อให้เกิดผลที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ท่านเริ่มทำงานโดยคิดดัดแปลงจากประสบการณ์ของท่านในอินเดีย และในแอฟริกาเมื่อท่านอยู่กับพวกซูลูและคนพื้นเมืองเผ่าอื่น ท่านจัดทำห้องสมุดพิเศษขึ้น และอ่านหนังสือเกี่ยวกับการฝึกอบรมเด็กทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่เด็กสปาตานคนอังกฤษในสมัยโบราณ พวกอินเดียนแดง จนถึงสมัยเรา บี.พี.ได้พัฒนาความคิดเห็นในเรื่องการลูกเสืออย่างช้าๆ และด้วยความระมัดระวัง ท่านต้องการทำให้แน่ใจว่า ความคิดเห็นของท่านอาจนำมาใช้ได้ ในทางปฏิบัติ ดังนั้นในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1970 ท่านจึงรวบรวมเด็กยี่สิบคนให้ไปอยู่กับท่านที่เกาะบราวน์ซี (Brownsea) ในช่องแคบอังกฤษ ซึ่งนับว่าเป็นการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือครั้งแรกซึ่งโลกได้เคยเห็นการอยู่ค่ายครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ไปหัวข้อด้านบน

หนังสือ Scouting for Boys
และแล้วในเดือนต้นๆ ของปี ค.ศ. 1908 บี.พี. ได้จัดการพิมพ์หนังสือคู่มือการฝึกอบรมขึ้นโดยแบ่งเป็นหกตอนและจัดพิมพ์เป็นรายปักษ์ๆ ละตอน มีภาพประกอบซึ่งท่านเองเป็นผู้เขียน หนังสือนี้ชื่อ Scoutting for Boys บี.พี. ไม่ได้นึกฝันว่าหนังสือนี้จะทำให้เกิดกระบวนการซึ่งจะครอบคลุมเด็กชายทั่วโลก พอหนังสือเริ่มจะมีจำหน่ายตามร้านหนังสือ และที่จำหน่ายหนังสือพิมพ์ได้ไม่นาน หมู่และกองลูกเสือก็ตั้งต้นโผล่ขึ้น มิใช่เฉพาะที่อังกฤษแต่ในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ
ไปหัวข้อด้านบน

ชีวิตที่สองของ บี.พี.
กระบวนการลูกเสือได้เติบโตขึ้นโดยลำดับ และในปี ค.ศ.1910 ได้เจริญขึ้นถึงขนาดที่ทำให้ บี.พี. หลับตาเห็นว่าการลูกเสือจะเป็นงานสำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ท่านได้มองเห็นด้วยสายตาอันไกลและมีความเชื่อมั่นว่า ท่านสามารถทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองของท่านได้มากกว่า โดยการฝึกอบรมเด็กรุ่นหลังให้เป็นพลเมืองดี แทนที่จะไปเสียเวลาฝึกผู้ใหญ่สองสามคน สำหรับการรบพุ่งซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว บี.พี.จึงได้ลาออกจากกอลทัพบก ซึ่งท่านมียศเป็นพลโทและได้ย่างเข้าสู่ชีวิตที่สองของท่าน ซึ่งท่านใช้คำว่า "Second Life" อันเป็นชีวิตของท่านที่ให้บริการแก่โลกโดยการลูกเสือ ท่านได้เก็บเกี่ยวรางวัลของท่านซึ่งได้แก่ความเจริญก้าวหน้าของกระบวนการลูกเสือ และการที่เด็กทั่วโลกได้รักและนับถือท่าน
ไปหัวข้อด้านบน
ความเป็นพี่น้องทั่วโลก ( World Brotherhood )
ในปี ค.ศ.1912 บี.พี.ได้เดินทางรอบโลกเพื่อไปพบกับลูกเสือในประเทศต่างๆ เรื่องนี้เป็นจุดตั้งต้นของการลูกเสือที่จะเสริมสร้างความเป็นพี่น้องทั่วโลก สงครามโลกครั้งแรกได้ทำให้งานนี้หยุดชะงักลงชั่วขณะหนึ่ง แต่พอการรบพุ่งยุติลง งานนี้ก็เริ่มต้นใหม่ และในปีค.ศ. 1920 ลูกเสือจากทุกประเทศทั่วโลกก็ได้มาพบกันในกรุงลอนดอน เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมลูกเสือระหว่างประเทศครั้งแรก กล่าวคือ เป็นการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งแรก First World Jamboree ในคืนสุดท้ายของการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 สิงหาคม บรรดาลูกเสือที่ได้ไปเข้าร่วมการชุมนุมได้โห่ร้อง ประกาศให้ บี.พี.ดำรงตำแหน่ง Chief Scout of th World ประมุขของคณะลูกเสือแห่งโลก กระบวนการลูกเสือมีความเจริญก้าวหน้าสืบต่อไป ในวันที่การลูกเสือมีอายุครบยี่สิบเอ็ดปี ซึ่งเป็นการบรรลุ "นิติภาวะ" ตามกฎหมายของอังกฤษปรากฏว่าบรรดาอารยประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้จัดให้มีกองลูกเสือและจำนวนลูกเสือก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองล้านคนเศษ ในโอกาสนั้นพระเจ้ายอร์ชที่ 5 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ บี.พี.เป็นบารอนและมีชื่อว่า Lord Baden Powell of Gilwell กระนั้นก็ดี สำหรับลูกเสือทุกคนท่านจะยังคงเป็น "บี.พี.ประมุขของคณะลูกเสือแห่งโลก"

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จังหวัดกาฬสินธุ์
เมืองฟ้าแดดสูงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมภูไท ผ้าไหมแพรวา
จังหวัดขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวบึงแก่นนคร
จังหวัดชัยภูมิ
ชัยภูมิทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทวาราวดี
จังหวัดนครพนม
พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูภูไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง
จังหวัดนครราชสีมา
เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน
จังหวัดบุรีรัมย์
เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยธรรมชาติ
จังหวัดมหาสารคาม
พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร
จังหวัดมุกดาหาร
เมืองชายโขงงาม มะขามหวานเลิศ ถิ่นกำเนิดคำผญา ภูผาเทิบพิศดาร กลองโบราณค่าล้ำ วัฒนธรรมแปดเผ่า เขามโนรมย์เพลินตา โสภาแก่งกระเบา
จังหวัดยโสธร
เมืองบั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ
จังหวัดร้อยเอ็ด
ร้อยเอ็ดเพชรอิสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภา ทุ่งกุลาสดใส งานใหญ่บุญผะเหวด
จังหวัดเลย
เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม
จังหวัดศรีสะเกษ
ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม
จังหวัดสกลนคร
พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาน และตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
จังหวัดสุรินทร์
สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมดี มากมีปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม พร้อมวัฒนธรรม
จังหวัดหนองคาย
วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว
จังหวัดหนองบัวลำภู
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานดำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
จังหวัดอำนาจเจริญ
พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่งเรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตรพระเหลา เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เลื่อมใสใฝ่ธรรม
จังหวัดอุดรธานี
น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแต่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตรหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอม อุดรซันไฌน์
จังหวัดอุบลราชธานี
อุบลเมืองแก่งสุนทรีย์ รับสุรีย์แรกอรุณ คืนนักบุญเหล่าบัวบาน งานเทศกาลเทียนพรรษา แหล่งอารยาก่อนประวัติศาสตร์















เมาส์ (mouse)
















- สแกนเนอร์ (scanner)

ไมโครโฟน(microphone

















- อุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือ (finger scan)





ส่วนรับข้อมูล (Input Unit) เป็น ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากคน และส่งต่อข้อมูลไปยัง หน่วยประมวลผล(Process Unit) เพื่อทำการประมวลผลต่อไป รูปแบบการส่งข้อมูลจากอุปกรณ์รับข้อมูลจะอยู่ในรูปของการส่งสัญญาณเป็นรหัสดิจิตอล (หรือเป็นเลข 0 กับ 1) นั่นเอง อุปกรณ์ส่วนรับข้อมูล ได้แก่ - คีย์บอร์ด (ke-
- เมาส์ (mouse)

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาคกลาง (ประเทศไทย)

ได้แบ่งภาคกลางออกเป็น 22 จังหวัด (ระบบ 6 ภาค) อย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วย [1]
กรุงเทพมหานคร
กำแพงเพชร
ชัยนาท
นครนายก
นครปฐม
นครสวรรค์
นนทบุรี
ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา
พิจิตร
พิษณุโลก
เพชรบูรณ์
ลพบุรี
สมุทรปราการ
สมุทรสงคราม
สมุทรสาคร
สระบุรี
สิงห์บุรี
สุโขทัย
สุพรรณบุรี
อ่างทอง
อุทัยธานี
นอกจากการแบ่งตามราชบัณฑิตยสถานแล้ว หน่วยงานอื่นยังมีการกำหนดขอบเขตของภาคกลางแตกต่างกันออกไป คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดให้ภาคกลางประกอบด้วย 9 จังหวัดได้แก่ [1]
กรุงเทพมหานคร
ชัยนาท
นนทบุรี
ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา
ลพบุรี
สระบุรี
สิงห์บุรี
อ่างทอง

[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม กว้างใหญ่ เกิดจากตะกอนดิน ทราย กรวดที่ถูกแม่นำพัดพามาทับถมกัน จนกลายเป็นที่ราบที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง บริเวณที่ราบลุ่มตอนบน เป็นที่ราบลอนคลื่น บางแห่งเป็นที่ราบขั้นบันได และที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน บริเวณขอบเป็นที่ราบแคบๆหรือเนินเขา และบริเวณกล่มเขาโดดนครสวรรค์เป็นที่ราบลอนคลื่นและมีเนินเขาเตี้ยๆโผ่เป็นระยะจากนครสวรรค์ถึงชัยนาท

[แก้] อาชีพของคนภาคกลาง
ลักษณะของพื้นที่ภาคกลางจะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง จึงประกอบอาชีพเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และการทำประมงทั้งน้ำจืดและประมงน้ำเค็ม อีกทั้งอาชีพค้าขายก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่คนภาคกลางนิยมกันมาก เพราะว่าภาคกลาง จะมีทางคมนาคมที่สะดวกสบายทั้งทางบกและทางน้ำ ทำให้เหมาะแก่การทำการค้าเป็นอย่างยิ่ง
อาชีพในภาคกลาง ส่วนใหญ่เป็นการเพาะปลูก คือการทำนา แต่จะมีอาชีพอย่างอื่นอีกมาก เช่น การทำไร่ข้าวโพด ข้าวฟ่าง การทำสวนผัก สวนผลไม้ เช่น สวนส้ม ส้มโอ มะขามหวาน มะม่วง การเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงสุกร วัวเนื้อ วัวนม ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีการอุตสาหกรรมต่าง ๆ การค้า งานบริการ ล้วนแต่เป็นอาชีพสำคัญ กรุงเทพมหานครเป็นนครที่ใหญ่โตมีประชากรมาก รวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่างไว้ และขณะเดียวกันก็รวมเอาปัญหาสารพัดอย่างไว้ด้วย เช่น ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพย์ติด การจราจรติดขัด มลพิษทั้งอากาศและน้ำ ภาคกลางจึงเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจทุกด้าน ดังนั้นประชากรในเขตนี้โดยเฉลี่ยจึงมีความเป็นอยู่ดีกว่าประชากรในเขตอื่น ขณะที่ประทศเริ่มมีผลิตผลทางอุตสาหกรรมมากขึ้น การขยายตัวได้เริ่มจากภาคนี้และทำให้ในปัจจุบันมูลค่าการส่งออกของผลิตผลทางอุตสาหกรรมมีมากกว่ามูลค่าการส่งออกของผลิตผลทางด้านเกษตรกรรม ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราส่งสินค้าทางการเกษตรน้อยลง แต่เป็นผลมาจากการเปรียบเทียบมูลค่าระหว่างสองกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เนื่องจากภาคกลางเป็นแหล่งอาชีพที่สำคัญจึงพบว่าประชากรในภูมิภาคอื่นได้อพยพมาหางานในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียง นอกจากประชากรในประเทศเราแล้วยังมีคนต่างประเทศ เช่น กัมพูชา พม่า ลาว บังกลาเทศ ได้พยายามแอบมาหางานทำในภูมิภาคนี้ จึงนับได้ว่าภาคกลางเป็นภาคที่ก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจกว่าภูมิภาคอื่นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อมูลเขตภาษีเจริญ

เขตภาษีเจริญ เป็น 1 ใน 50 เขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร อยู่ในกลุ่มเขตตากสิน ซึ่งถือเป็นแหล่งจ้างงานใหม่ แหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก และศูนย์ราชการทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร
เนื้อหา[ซ่อน]
1 ที่ตั้งและอาณาเขต
2 ที่มาของชื่อเขต
3 ประวัติศาสตร์
4 การแบ่งเขตการปกครอง
5 สถานที่สำคัญ
6 แหล่งข้อมูลอื่น
//ที่ตั้งและอาณาเขต
ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาหรือฝั่งธนบุรี มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองข้างเคียง เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตตลิ่งชัน มีคลองบางเชือกหนังเป็นเส้นแบ่งเขต
ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตบางกอกใหญ่และเขตธนบุรี มีคลองบางกอกใหญ่และคลองบางหลวงน้อยเป็นเส้นแบ่งเขต
ทิศใต้ ติดต่อกับและเขตจอมทองและเขตบางบอน มีคลองวัดนางชี คลองตาม่วง คลองสวนเลียบ คลองวัดโคนอน คลองบางหว้า คลองสวนหลวง คลองรางบัว คลองตาฉ่ำ ลำประโดง คลองวัดสิงห์ และคลองบางโคลัด เป็นเส้นแบ่งเขต
ทิศตะวันตก ติดต่อกับเขตบางแค มีคลองพระยาราชมนตรี คลองบางแวก คลองบางไผ่ และคลองลัดตากลั่น เป็นเส้นแบ่งเขต

[แก้] ที่มาของชื่อเขต
ชื่อของเขตนั้นนำมาจากชื่อของ คลองภาษีเจริญ ที่ขุดขึ้นเชื่อมแม่น้ำท่าจีน (ที่ตำบลดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน แขวงเมืองสมุทรสาคร) กับคลองบางกอกใหญ่ เพื่อเป็นการสัญจรทางน้ำ ซึ่งเน้นการส่งอ้อยและน้ำตาลจากต่างจังหวัดเข้าสู่เมืองหลวง โดยเริ่มขุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2401 เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2415 และชื่อคลองตั้งตามชื่อพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ต่อมาเป็น พระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์) ผู้เป็นแม่กองดูแลงานขุดคลองนี้

[แก้] ประวัติศาสตร์
จากนั้นได้มีผู้คนย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมคลองภาษีเจริญมากขึ้นจนเป็นชุมชนใหญ่ ทางราชการจึงได้จัดตั้ง อำเภอภาษีเจริญ ขึ้นในปี พ.ศ. 2442 มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดธนบุรี และในปี พ.ศ. 2498 กระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งสุขาภิบาลบางแคขึ้นในพื้นที่บางส่วนของตำบลบางแค บางหว้า และบางด้วนที่ตั้งอยู่ริมคลองสายนี้ และในปี พ.ศ. 2513 ได้ขยายเขตออกไปจนครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งอำเภอ (เหลือเพียงตำบลบางไผ่ ตำบลบางแวก ส่วนตำบลคูหาสวรรค์และตำบลปากคลองภาษีเจริญอยู่ในเขตเทศบาลนครธนบุรีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479)
ภายหลังได้มีการรวมจังหวัดธนบุรีกับจังหวัดพระนครเข้าด้วยกันเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งได้ยุบการปกครองท้องถิ่นแบบสุขาภิบาลและเทศบาล รวมทั้งได้เปลี่ยนการเรียกตำบลและอำเภอใหม่ อำเภอภาษีเจริญจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็น เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 มีหน่วยการปกครองย่อย 10 แขวง
ต่อมาพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเขตภาษีเจริญมีความเจริญและมีประชากรหนาแน่น กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งสำนักงานเขตภาษีเจริญ สาขา 1 ดูแลแขวงบางแค บางแคเหนือ และบางไผ่ และในปี พ.ศ. 2540 กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศแบ่งพื้นที่ปกครองของสำนักงานเขตภาษีเจริญ สาขา 1 ดังกล่าวออกไปตั้งเป็นเขตบางแค

[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 7 แขวง 55 หมู่บ้าน คือ